วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หยามพระหลวงตามหาบัว (ด่าปรามาสพระแบบนี้น่าตกนรกจริงๆ)

วิวาทะ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หยามพระหลวงตามหาบัว (ด่าปรามาสพระแบบนี้น่าตกนรกจริงๆ)



แปลกแต่จริง จริงแทบไม่น่าเชื่อ เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

ผมกำลังจะเขียนถึง เรื่องสมณคารวตา หรือการเคารพพระภิกษุสามเณร

ผมฟังมานานแล้วว่าที่ทิดเปรียญสูงถึง 9 ประโยค แกสอบ ป.ธ.9 ได้แต่ครั้งเป็นสามเณร ตอนบวชพระจึงเป็นนาคหลวง สึกออกมาก็ถวายความรู้แก่พระเณร โดยเป็นอาจารย์สอน ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์แถวท่าพระจันทร์


ไม่แปลกเลยที่คนมีปากมีท้องจะต้องได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนหรือรายวิชา

แปลกตรงที่เขาลืมตัวลืมตน สำคัญว่า ตัวเองยังเป็นพระอยู่ หรือเข้าใจว่า ตัวเองเหนือกว่าพระเณร เพราะเป็นอาจารย์สอนก็ไม่รู้

พระเณรที่เป็นลูกศิษย์พูดทำนองเดียวกันหมดว่า อาจารย์ฆราวาสที่ไม่เคยบวชเรียน มีความนอบน้อมพระภิกษุสามเณรมากกว่าอาจารย์ที่เป็นทิด โดยเฉพาะพี่ทิดเปรียญสูง

พี่ทิดเปรียญสูงที่เป็นมหานั่นแหละ ข่มพระเณรดีนักแล กิริยาวาจาก้าวล่วงพระเณรยิ่งกว่าชาวบ้านทั่วไปเสียอีก

เรื่องอย่างนี้ ผมไม่ได้เห็นคาตา ไม่ได้ยินกับหู เพียงแต่รับฟังมาจากหลวงพี่และพี่เณร

ถ้าไม่จริง ก็ไม่รู้ท่านจะพูดไปเพื่ออะไร ผมปลงใจเชื่อด้วยเหตุผลง่าย ๆ และสั้น ๆ ดังกล่าวนี้

ได้แต่ภาวนาว่า พี่ทิดทั้งหลายที่สึกจากพระ ออกมาเป็นฆราวาสเต็มตัวแล้ว สำรวจตัวเองบ้างสักนิดก็จะดีว่า วันนี้ตัวเองหมดสิทธิ์ใช้สรรพนามแทนตัวว่าอาตมาแล้ว ปล่อยให้ บาทหลวงเขาใช้อาตมาแบบดื้อตาใสไปก็แล้วกัน

หรือว่า กิริยาหยาบกระด้างที่พี่ทิดใช้กับพระเณรอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นนิสัย หยั่งรากลึกลงไปในสันดานเสียแล้ว หมดปัญญาที่จะแก้

ถ้างั้นก็ขอร้องมาทางคอลัมน์นี้ นิมนต์ฆราวาสพวกนี้ ให้สึกอีกสักรอบ ท่าจะเข้าท่าดี พระเณรลูกศิษย์จะได้โล่งอก หากพี่ทิดท่านใดคิดจะสึกตามคำนิมนต์นี้ ก็อย่าลืมสะกิดพี่ทิด เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ให้สึกด้วยคนก็แล้วกัน รายนี้แหละเขาลือกันว่า ข่มพระเณรดีนัก

ผมคงไม่บาปจนเกินไปที่ได้เที่ยวยุพระสงฆ์ให้เป็นตัวของตัวเอง อย่าให้ฆราวาสโดยเฉพาะพวกนักการเมืองเข้าจุ้นจ้านกิจการคณะสงฆ์ อยากจะบอกว่า เป็นการถวายกำลังใจแก่พระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรเสียมากกว่า

ก่อนนี้ เคยชื่นชม พระราชวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ขานั้นถึงลูกถึงคนดีนัก ตอนนี้ซาลงไปเนื่องจากถูกโรคหัวใจรุมเร้า

แต่ไม่เป็นไร ถึงชั่งโมงนี้ ใคร ๆ ก็เอาไว้ไม่อยู่แล้ว สำหรับหลวงตามพระมหาบัว ญาณสัมปันโน หรือ พระธรรมวิสุทธิมงคล

หลวงตาท่านไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน หากไม่เข้าท่า ท่านจะใส่อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ทำเอารัฐบาลสั่นคลอนเลยทีเดียว

หลวงตาท่านเป็นแบบอย่างของคนไทยในยามยากเช่นทุกวันนี้ จัดโครงการผ้าป่าช่วยชาติขึ้นมา จุดมุ่งหมายจริง ๆ ไม่ใช่เม็ดเงิน แต่อยู่ที่จิตใจของคนในชาติ ให้รู้สึกเสียสละ รู้จักบุญคุณแผ่นดินเกิด

บ้านเมืองล่มจมลงคราวนี้ ส่วนหนึ่งมาจากพวกนักการเมืองที่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน มุ่งแต่จะกอบโกยโกงกินหาผลประโยชน์น้อยใหญ่จากโครงการต่างๆ โดยลืมไปว่า ทำอย่างนั้นชาติจะพัง

น่าสงสารหลวงตาที่ฉายเดี่ยว ขณะที่พระสงฆ์เมืองไทยมีถึง 3 แสนรูปเศษ หายหน้ากันไปหมด

พระเถระที่มีอำนาจบารมีคนทั่วทั้งประเทศประนมมือกราบไหว้ ท่านเหล่านี้พร้อมทุกอย่าง แต่ปรากฏว่า แต่ละรูป แต่ละท่าน ต่างนิ่งเฉย ทำอย่างกับว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์

ภาระหน้าที่อย่างนี้ พระต้องเป็นผู้นำชาวบ้านสอนนักการเมือง ให้รู้จักเสียสละเพื่อแผ่นดิน สอนให้นักการเมืองรู้ว่า เมื่อชาติอยู่ไม่ได้ ใคร ๆก็อยู่ไม่ได้

ผมไม่อยากเห็นพระเป็นหุ่นเชิดของนักการเมือง ถูกเขาเชิญไปออกทีวี ร่วมรายการอภิปรายในที่สาธารณะ

อยากจะบอกท่านว่า คนพวกนี้ หาความจริงใจกับบ้านเมืองแทบจะไม่ได้ ส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว โปรโมตตัวเองจนได้ตำแหน่งสมใจ แล้วก็มาเหลิงอำนาจ

มีตัวอย่างให้ดูดังต่อไปนี้

โครงการผ้าป่าช่วยชาติ โดยหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน พอได้เงินทองมา ท่านประกาศต่อสาธารณชนชัดเจนว่า ให้เป็นเงินสำรองของชาติ อย่าเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่น

คนที่ขาดความจริงใจในพระสงฆ์ เช่น เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง พอได้ ส.ว. ยิ่งกร่างใหญ่ (ก่อนนี้ก็กร่างอยู่แล้ว)

ต้องยอมรับกันว่า ผู้มีรายนามต่อไปนี้ จัดเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะออกรายการทีวีมาด้วยกันตลอด ส.ศิวรักษ์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก พระธรรมปิฎก เจ้าคุณพระพยอม กัลยาโณฯ ล่าสุด เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกมาขย่มหลวงตาพระมหาบัวว่า

"เป็นอรหันต์อย่าไปวิตก เป็นทุกข์ในสิ่งที่ไม่รู้ไปเปล่า ผมรู้ว่า มีคนไปโกหกหลวงตามากมาย หลวงตาก็เชื่อ ใครยุ ผมรู้ถึงขนาดว่า ยุให้เอาเงินไปไว้ในฝ่ายออกบัตร หลวงตาจู้จี้มาก ก็จะเกิดกิเลส ละกิเลสไปแล้ว 50 ปี เป็นอรหันต์ไปแล้ว ก็สามารถกับมาเป็นไม่ใช่อรหันต์ได้"

อ่านแล้วเป็นไงบ้างครับ บังอาจเหยียบย่ำพระสุปฏิปันโนถึงเพียงนี้ ผมรู้สึกวังเวงจนน้ำตาไหล

ที่มาจาก หนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ปีที่ 3 ฉบับที่ 1047 ประจำวันศุกร์ที่ 26 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2543

ปู่โอม

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น