วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รายการทีวีตามหาแก่นธรรม ของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง (ลิ่วล้อประชาธิปัตย์) ปรามาส หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด

รายการทีวีตามหาแก่นธรรม ของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง (ลิ่วล้อประชาธิปัตย์) ปรามาส หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด เพราะหลวงตามหาบัว ไม่เห็นด้วย ที่จะเอาเงินบริจาคประชาชน ไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ เจิมศักดิ์เลยออกมาด่า หลวงตา สะยกใหญ่



เนื้อความ : ข้อข้องใจเกี่ยวกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ถาม: ทำไมหลวงตาบัว จึงประกาศองค์เป็นพระอรหันต์ ผิดหรือไม่ พระอรหันต์ต้อง มีเมตตา ไม่โกรธและมีกิริยาอาการสงบเสงี่ยมใช่หรือไม่

   
ตอบ: ในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ว่าพระพุทธเจ้าทรงยืนยันความเป็นพระอรหันต์ชอง พระองค์ให้แก่บุคคลต่าง ๆ หลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพรองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ขณะเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ประโยคแรกที่พระองค์ตรัสตอบพราหมณ์ผู้เดินสวนทาง มาว่า “เราไม่มีครูอาจารย์ เราตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยตัวเราเอง” จากนั้นก็ได้ทรงยืนยันพระองค์เองต่อปัญจวัคคีย์อีก ท่านเหล่านั้นเกิดความเลื่อมใสพร้อมที่จะรับฟังคำสั่งสอนของพระองค์ สุดท้ายก็ได้ผลที่ดีเป็นลำดับ ๆ มา
       
ในพระวินัยท่านแสดงไว้ ว่า ภิกษุใดอวดอุตริมนุสสธรรมอันไม่มีจริงในตน ต้องอาบัติปราชิก แต่ถ้ามีจริงในตน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ แต่ถ้ามีจริงในตนและไม่ได้กล่าวเพื่อความโอ้อวดพร้อมทั้งกล่าวเพื่อประโยชน์ และความสุขแล้ว ไม่ปรากฏว่าเป็นอาบัติหรือความผิดธรรมวินัยข้อใดเลย
           
ผล ไม้ลูกหนึ่งเมื่อผู้เป็นเจ้าองไม่ต้องการนำไปเพาะปลูกให้เป็นพืชพันธุ์ขึ้น มาอีก  ก็ย่อมทำลายเมล็ดพร้อมทั้งเชื้อในเมล็ดนั้นไป เช่นผลมะม่วงเป็นต้น เมื่อทำลายเมล็ดและเชื้อในเมล็ดนั้นแล้ว นำไปปลูกอย่างไรก็ไม่อาจงอกขึ้นได้อีก ส่วนที่เหลืออยู่คือเปลือกและเนื้อก็ยังเป็นมะม่วงลูกเดิม หาได้เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไปไม่ ถ้าเคยหวานก็คงหวานอยู่ ที่เคยเปรี้ยวเคยมันก็ยังคงลูกเดิม แต่หลักใหญ่คือ เชื้อที่จะไปเป็นพืชพันธุ์ก็ได้ถูกทำลายหมดไปโดยสิ้นเชิงแล้ว จิตใจก็มีลักษณะเช่นเดียวกับเมล็ดผลไม้นั้น ร่างการและกิริยาท่าทางต่าง ๆ ก็เปรียบเสมือนเปลือกและเนื้อผลไม้นั่นเอง จิตที่ได้ชำระเชื้อที่จะนำไปสู่ภพกำเนิดใด ๆ จนหมดไปแล้วย่อมไม่กลับกำเริบอีก แต่ร่างกายและกิริยาท่าทางต่าง ๆ ก็ย่อมเป็นไปตามอุปนิสัยดั้งเดิมไม่ได้ถูกทำลายไปด้วย พระอรหันต์จึงมีกิริยาท่าทางแตกต่างไปจากความรู้ความเห็นของเรา

ถาม: การที่หลวงตาออกมาคัดค้านการรวมบัญชี เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่
   
ตอบ: พระพุทธเจ้าทรงแสดงปัจฉิมโอวาทว่า “ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์โลกให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เถิด” กิจของสงฆ์ผู้เป็นปุถุชนก็ควรแก่การศึกษาและปฏิบัติเพื่อความรู้ยิ่งเห็น จริงในธรรมทั้งหลาย กิจของสงฆ์ผู้บรรลุสัจจธรรมแล้ว ก็เป็นไปตามควรแก่วาสนาของแต่ละองค์ ๆ ไม่เหมือนกัน แต่ความมุ่งหมายเพื่อความสุข ความเจริญแก่สัตว์โลกนั้นเหมือนกัน พระพุทธเจ้าเสด็จไปห้ามกองทัพที่จะรบราฆ่าฟันกันหลายครั้ง และทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับการบ้านการเมืองไว้อีกมากมาย ทั้งทางเสื่อมและทางเจริญ ทรงแสดงถึงลักษณะการปกครอง ลักษณะของเสนาอำมาตย์ ขุนคลัง ขุนพล ผู้วินิจฉัยคดี ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น  การกระทำต่าง ๆ ของหลวงตา ยังไม่ปรากฏว่านอกเหนือไปจากแนวทางของพระพุทธเจ้าเลยแม้แต่น้อย

ถาม: ไหนว่าศาสนาสอนให้มีความเมตตาต่อกัน แล้วการที่ออกมารวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอนนายธารินทร์ เป็นการมีเมตตาหรือ การกระทำดังกล่าวไม่กลัวบาปหรือ

ตอบ:  คนไข้ที่เป็นโรคระบาดอย่างรุนแรง ถ้าไม่รีบรักษาให้หาย คนไข้นั้นอาจถึงตาย และโรคนั้นอาจลุกลามไปเป็นอันตรายต่อผู้อื่นอีกมากมาย นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต้องใช้วิธีการต่าง ๆ ทั้งหนักและเบา อาจถึงขั้นผ่าตัดหรือจับคนไข้ผูกมัดไว้แยกให้อยู่ต่างหากจากคนอื่น ฯลฯ ด้วยความหวังว่าคนไข้นั้นจะหาย คนอื่นจะไม่ได้รับอันตราย นายแพทย์ผู้ลงมีดผ่าตัดก็ดี ผู้ลงมือผูกมัดคนไข้ก็ดี มีความเมตตาและหวังดีต่อคนไข้และส่วนรวมหรือไม่

ถาม:ขณะนี้หลวงตาต้องการอะไรกันแน่ การที่หลวงตาบอกว่าต้องให้ใช้ธรรมนำหน้านั้นหมายความว่าอย่างไร

ตอบ: คำว่ารู้ธรรมอย่างย่อๆ ก็คือ รู้ความเสื่อม เหตุของความเสื่อม รู้ความเจริญและเหตุของความเจริญ เมื่อรู้แล้วจึงปฏิบัติเพื่อละเหตุแห่งความเสื่อมและปฏิบัติให้ถึงความเจริญ พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านจึงนำธรรมเหล่านี้มาอบรมสั่งสอนประชาชน เช่นการกระทำอย่างนั้น ๆ เป็นเหตุแห่งความเสื่อม อย่าทำเด็ดขาดถ้าฝืนทำลงไปต้องได้รับผลที่ใคร ๆ ไม่ปรารถนาอย่างแน่นอน ควรทำอย่างนี้ ๆ จะเป็นความเจริญแน่ๆ ถึงจะยากลำบากก็ควรทำ เพราะจะได้รับผลสมความปรารนา ทำผิดพลาด ให้รู้ตัวและยอมรับความผิดพลาดนั้นตามความจริงไม่ใช่ปิดบังซ่อนเร้น ซึ่งจะทำให้แก้ไขได้ยากยิ่งขึ้น ความที่ตรงต่อความจริงนั้นก็คือตรงหลักธรรมนั่นเอง ที่หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด ท่านนำธรรมมาแนะนำตักเตือน ก็เพื่อปลูกสติปัญญาทุกฝ่ายให้ระลึกถึงความผิด-ถูก ดี-ชั่ว ความเสื่อม-ความเจริญ ตามที่ปรากฏอยู่ขณะนี้เป็นต้น     

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น