วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ไล่ล่าหมู่สงฆ์ เด่นชัดยิ่งกรณีหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ไล่ล่าหมู่สงฆ์ เด่นชัดยิ่งกรณีหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด



เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการแฉกันสะบั้นหั่นแหลกว่า รัฐบาลใช้ "วิชามาร" ตอบโต้ฝ่ายคัดค้านการรวมบัญชีทุกวิถีทาง


มีทั้งเปิดรายการ "ตามหาแก่นธรรม" ของ ดร.เจิม ถล่มหลวงตาบัว ประเด็นเป็นอรหันต์ ไม่เป็นอรหันต์ ซึ่งคนที่ทนดูรายการเฮงซวยนี้ไม่ไหว โทรมาด่าเช็ดเม็ด ไม่รู้ว่า ดร.เจิม แกนอนสะดุ้งบ้างหรือเปล่า

เอาง่าย ๆ นะครับว่า หลวงตามหาบัวท่านบวชมาเกือบ 70 ปีศีล 227 ข้อ ท่านบริบูรณ์ขนาดไหน ลองไปถามคนที่ใกล้ชิดหลวงตาก็จะรู้กันเอง

ยิ่งเรื่องการผิดศีลข้อใหญ่ คือ ปาราชิก นั้น พระมหาเถระระดับหลวงตามหาบัว ท่านไม่พลาดท่าง่าย ๆ หรอกครับ ที่ท่านต้องพูดถึงเรื่องการได้ธรรมะของท่านขึ้นมาตอนนี้

เป็นเพราะว่า ท่านมองเห็นว่า ศาสนาพุทธกำลังเสื่อมสุด ๆ

ชาวพุทธส่วนใหญ่แทบไม่เชื่อว่า มรรค ผล นิพพาน มีจริง

คล้ายกับว่า หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว นับจากนั้น มา พระอริยะเจ้าก็สาบสูญไปจากโลกนี้ทันที

ขนาด พระสงฆ์ไทยทุกวันนี้ มีบางรูปก็เชื่อเช่นนั้น แม้แต่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ท่านยังบอกว่า สมัยนี้ พระอริยเจ้าระดับโสดาบันยังไม่มี และจะไปมีพระอรหันต์ได้ อย่างไร

มอง เข้าไปในศาสนาพุทธแล้ว "ไอ้ทิด" ให้รู้สึกเศร้าใจอยู่ลึก ๆ เพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้ มุ่งเรียนรู้ เพื่อแสวงหาลาภสักการะเป็นส่วนใหญ่ ที่มีปฏิบัติกันอย่างจริงๆ เพื่อหวังมรรค ผล นิพพานจริง ๆ นั้น มีน้อย จนแทบนับองค์ได้

พระสงฆ์กำลังถูกกระแสโลกกลืนโดยไม่รู้ตัว เมื่อตัวเองไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ได้ ก็เลยพาลไม่เชื่อไปโน่นเลย

หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด ท่านเคยเทศน์ว่า ทีเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ดี เห็นโฆษณากันได้ ทีเรื่องดี ๆ เรื่องเป็นมงคลแก่โลก ทำไมจะโฆษณากันไม่ได้

แม้ จะไม่ถูกต้องด้วยพระธรรมวินัย แต่หลวงตาท่านยอมตกเป็น "เป้า" เพื่อให้คนหันมาพิสูจน์ในสัจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้ลดละกิเลสของตนเองกันเองบ้าง

หลวงตาท่านอายุ 86 ปี แล้ว อยู่ไม่อีกกี่วัน ท่านก็ต้องละสังขาร ดังนั้น ท่านจึงไม่รู้สึกหวั่นเกรง ที่จะต้องประกาศธรรม เพื่อให้สังคมชาวพุทธเราได้รับรู้ถึงสัจธรรม แล้วจะได้เข้ามา พิสูจน์กันในโอกาสต่อไป

อีกเรื่องหนึ่งที่หลวงตา ท่านพูดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่านบอกว่า มีการสั่งการจากรัฐบาล ไม่ให้ข้าราชการเข้าร่วมกับกิจกรรมของหลวงตา

เราเชื่อว่า ไม่ว่าจะปิดกั้นกันอย่างไร ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ ที่ว่ารัฐบาลจะเอาเงินแผ่นดินออกไปใช้ โดยที่ประชาชนไม่เห็นด้วย

เอาเป็นว่า รัฐบาลมีอำนาจ จะทำการณ์เช่นไรก็ได้ เมื่อได้เงินออกมาแล้ว น่าจะจัดสรรปันส่วนไปช่วยเหลือคนยากคนจน และเกษตรกรบ้าง

ทำไมรัฐบาลจึงไม่คิดช่วยเหลือคนระดับล่างบ้างเลยล่ะ รึว่า ประชาชนในบ้านนี้เมืองนี้ ถ้าไม่ใส่สูท รัฐบาลจะไม่ช่วยเหลือ

ทาง ด้าน พรรคไทยรักไทย เขาก็ออกมาแฉว่า การรวมบัญชีดังกล่าว รัฐบาลกำลังทำลายแบงก์ชาติโดยตรง เพราะทำให้แบงก์ชาติ "ขาดวินัยทางการเงินอย่างร้ายแรง"

โดยเฉพาะเรื่องการยุบ "ทุนรักษาระดับ" ซึ่งแต่เดิมนั้น ถ้ามีคนเอาเงินเข้ามา 1 เหรียญดอลลาร์ ก็จะต้องแลกเป็นเงินบาท 39 บาท คือ ใช้ระบบ 1:1 แต่ต่อไประบบนี้ ได้ถูกยกเลิกไป โดยปริยาย

ข้อสำคัญการยกเลิกระบบ 1:1 ดังกล่าว ทำให้แบงก์ชาติไม่ทราบว่า มีเงินตราต่างประเทศเข้ามากี่มากน้อย เอามาใช้เพื่ออะไร?

ในทางตรงข้าม ถ้ามีเงินไหลออก แบงก์ชาติก็จะไม่มีปัญญารับทราบเหมือนกัน

ตรงนี้แหละครับ ที่จะทำให้กลไกการเงินของประเทศไทย "พิการ" เพราะเราไม่สามารถควบคุมกลไกการเงินภายในประเทศได้

หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ กลไกการเงินในประเทศไทย จะถูกกำหนดโดยฝรั่งอย่างสิ้นเชิง

หาก ฝรั่งมันอยากจะ "กระทืบไทย" มันก็แกล้งกระชากเงินออก โดยที่แบงก์ชาติ ไม่สามารถรับรู้ และช่วยเหลืออะไรเมืองไทยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ถ้ากฎหมายตัวนี้ผ่านสภาออกมาจริง เราจะเป็น "ทาส" โดยสมบูรณ์แบบ

เตรียมลบชื่อประเทศไทย ออกจากแผนที่โลกไปได้เลย

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ปีที่ 3 ฉบับที่ 1051 ประจำวันอังคารที่ 30 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2543     

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น